Back

Mendix Release 10.15 มาช่วยกระบวนการพัฒนาขององค์กร

ใน Release นี้จะมาช่วยให้กระบวนการพัฒนามีความสามารถที่ดีมากขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพจ Data grid 2 หรือ Workflow ที่มี event ใหม่ที่ช่วยให้เพิ่มความสามารถในการใช้งาน Workflow เรียกว่า boundary events และความสามารถใหม่ของ Database connector มีการเพิ่มความสามารถของ DevOps ใน Pipeline ช่วยให้มีการเช็คว่าพัฒนาเป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องหรือไม่ และเพิ่มความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่ช่วยให้องค์กรทำงานไปตามกรอบที่กำหนดไว้ และเพิ่มเติมความสามารถให้ Maia รองรับภาษาต่าง ๆ ได้อีกด้วย

Studio Pro

Performance

เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน Studio Pro ในเรื่องของตัวช่วยที่แสดงเมื่อมีการเขียนคำสั่ง (expression) ใน Properties และส่วนอื่น ๆ ด้วย

Maia Chat รองรับได้หลายภาษา

ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะใช้ภาษาอังกฤษได้ หรือใช้ได้แต่อาจจะไม่ดีพอที่จะถามคำถามใน Maia Chat เราจึงเพิ่มการรองการตอบคำถามให้ได้หลายภาษามากขึ้น และสามารถตอบกลับมาด้วยภาษาที่คุณด้วย

การสร้าง Page

X-Ray มีให้พร้อมใช้งาน

ใน Release นี้ได้มีการปรับปรุง เพิ่มความสามารถ รวมไปถึงแก้ปัญหาต่าง ๆ เพิ่มการแสดง Data source และออกแบบใหม่ X-Ray ปรับปรุง Design mode เป็นโครงสร้างมากขึ้น เช่น Container, Layout grids และ Data widgets จะแสดงบนส่วนที่ออกแบบและยังคงรูปแบบไว้ ซึ่งมันง่ายต่อการออกแบบโดยที่ไม่ต้องสลับไปที่ Structure mode การแสดงรายละเอียดของ Data source ให้เห็นนั้นทำให้ง่ายต่อการใช้งาน จะเห็นขอบเขตของข้อมูลที่จะแสดงในหน้าออกแบบเลย ซึ่งความสามารถนี้จะอยู่บน Studio Pro ใน Windows ด้วย

ไม่ต้องการ Data view ในการใช้ expression แล้ว

คุณสามารถกำหนด visible condition และ dynamic class ได้โดยที่ไม่ต้องมี Data container ในการใช้งานจะดูจากตัวแปลที่อยู่ด้านบนนั่นก็คือ Parameter ที่จะนำมาใช้งาน หรือจะเป็นรายการที่เลือก หรือ Constants ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน

ความสามารถใหม่ในการสร้างหน้า Overview

ในการสร้างหน้า Overview โดยสร้างจากการ Generate สำหรับ Administrator นั้น ก่อนหน้านี้จะเป็นการสร้างโฟล์เดอร์ใหม่ ซึ่งไม่สามารถเลือกโฟล์เดอร์ที่มีอยู่ได้ ต้องมีการย้ายหรือแก้ชื่อเอง ซึ่งตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว เราสามารถเลือกโฟล์เดอร์ที่ต้องการได้แล้ว

ความสามารถใหม่ของ Data widgets

เพิ่มความสามารถการใช้งานที่มีความเป็นส่วนตัว

ตอนนี้มีตัวช่วยที่ให้ผู้ใช้งานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับ Data grid 2 ในการกรองข้อมูลที่จะมีการเก็บค่าต่าง ๆ ที่เคยกรองข้อมูลไว้ใน Data grid ซึ่งไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องมีกาารกำหนดค่าอะไรเพิ่มเติม เป็นความสามารถที่มีอยู่ในการตั้งค่าและมีความเป็นส่วนตัวของ Data grid

Reference sets

สุดท้าย มีออฟชั่นที่เป็น reference sets ที่ใช้แสดงผลในคอลัมน์ Data grid 2 ที่แสดงเป็นแบบ comma แยกรายการของค่าต่าง ๆ เพื่อให้ทำงานต่อไปได้และนำไปประยุคใช้สำหรับการแสดงผลและการจัดการต่าง ๆ ได้

Workflow Boundary Events (beta)

ก่อนหน้านี้เรามีความต้องการที่จะรวบรวมการทำงานของ User tasks หรือ การทำกิจกรรมบางอย่างที่ทำงานแยกออกไปในขณะที่ Workflow กำลังทำงานอยู่ใช่หรือไม่? เราขอนำเสนอ Boundary events เป็นทางเลือกสำหรับกรณีนี้และเป็นรูปแบบที่แตกต่างจาก events อื่นใน Workflows เช่น เมื่อ User task ไม่มีการจบกระบวนการหลังจากครบสัปดาห์ มันควรส่งต่อไปยังผู้จัดการ

Boundary event เป็น event ที่คุณสามารถใส่ activity และเมื่อนำเอาไปใช้จะมีเส้นทางแยกออกมา ซึ่งลักษณะแบบนี้จะรู้จักกันใน BPMN จะมีทั้งแบบไม่ขัดจังหวะและขัดจังหวะ แบบไม่ชัดจังหวะจะทำให้มันขัดจังหวะในการทำงานหลัก แบบขัดจังหวะ boundary event จะยกเลิกการทำงานตัวหลักและทำงานส่วนที่แยกออกไปแทน ความต่างของทั้งสองแบบเราสามารถใช้ตามสถานะการณ์ที่ต้องการได้

นี่เป็น Beta แรกของ Boundary events เราจะนำเสนอในส่วนที่เป็นไม่ขัดจังหวะ boundary events สำหรับ User task/Multi-User task, sub-workflows (Call workflow), System tasks (Call Microflow) และ Wait for notification activity event แรกนั้นสามารถใช้ boundary event เป็น Timer event ง่าย ๆ โดยการลาก Timer event จาก Toolbox และวางทับลงไป สำหรับตัวอย่างก็คือ User task มันง่ายมาก คุณสามารถเพิ่ม boundary event ได้หลาย ๆ อันใน activity เดียว และ activities ใน boundary event หลาย ๆ ทาง

Boundary event (beta) สามารถเปิดใช้งานผ่าน “New features” tab ใน Studio Pro

ข้อมูลการ Commit

ตอนนี้เราจะมีการแสดงจำนวนสิ่งที่จะ commit ในแต่ละ tab ให้เห็น ทำให้มันง่ายต่อการเห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ส่วนที่เพิ่มเติมมานี้จะเกิดขึ้นเมื่อเรามีการ commit ใหม่ ๆ จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปคลิ๊กดู

Database connector ตอนนี้เราสามารถใช้ response ที่ได้กับ entities ที่มีอยู่แล้ว

ตอนนี้หลาย ๆ Queries เราสามารถใช้ response ที่ได้ด้วย entities เดียวกันได้แล้ว คุณสามารถเลือกใช้ entities ที่มีได้โดยการเลือกในตัว query และคุณยังสามารถเปลี่ยนไปยัง entity ที่อยากจะเปลี่ยน ในการ Reuse ของ Entities ควรจะแน่ใจว่ามันง่ายและเร็วในการสร้าง Pages ที่ใช้ Queries ในหลาย ๆ อันสำหรับข้อมูลที่เหมือน ๆ กัน ตัวอย่างเช่น มี data grid ที่แสดงข้อมูลที่มีความแตกต่างกันด้วย queries หลาย ๆ แบบ

Mobile: รองรับ iOS 18

ข่าวที่น่าตื่นเต้นในโลกของเทคโนโลยีในเดือนนี้ก็คือ Apple มีการอัพเดรต OS ของมือถือ นี่เป็น version ที่มีการปรับแต่งและเพิ่มความสามารถต่าง ๆ และจะได้ใช้ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันทั่วโลก

ตั้งแต่ผู้ใช้งาน Apple มีการอัพเดรตที่อุปกรณ์ของเขา มันก็จะมีการดูใน app ต่าง ๆ มีอะไรต้องอัพเดรตบ้าง เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนในการที่จะรองรับ iOS 18 สำหรับ native mobile app ที่ build ด้วย Mendix 10 ในการรองรับการใช้งานด้วย native mobile template เวอร์ชั่นล่าสุด

ส่วนในการรองรับการใช้งานใน Mendix 9 เราก็จะทำให้สามารถรองรับการใช้งานใน iOS 18 ด้วยในเร็ว ๆ นี้ โปรดติดตามกันต่อไป

ส่วนขยาย (Extension) ใน Studio Pro – สามารถเข้าถึงในส่วนของ model ได้แล้ว

ส่วนขยาย หรือ Extensibility นั้นอนุญาติให้ Developer สามารถสร้าง Function ใหม่ ๆ ใน Studio Pro ได้แล้ว มีหลาย ๆ กรณีเป็นการอ่าน model เช่น การ quality, analytics หรือ สร้าง reports ใน release นี้เรามีการนำเสนอ Untyped Model Access API ซึ่งจะช่วยให้มันเป็นไปได้ในการที่จะดึงข้อมูลต่าง ๆ ใน model ของคุณ มันจะช่วยให้การเขียน extensions มีความศักยภาพมากขึ้น

ตัวอย่างโค้ด:

public IReadOnlyList GetMicroflowActionActivities() =>
untypedModelAccessService.GetUntypedModel(currentApp)
.GetUnitsOfType("Projects$Module")
.Single(unit => unit.Name == "MyFirstModule")
.GetUnitsOfType("Microflows$Microflow")
.Single(unit => unit.Name == "MyFirstLogic")
.GetElementsOfType("Microflows$ActionActivity");

ในการเริ่มต้นสามารถดูได้ที่ How to Use the Untyped Model Access API

Pluggable widget API – สามารถกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับ actions ได้

ในการออก widget ใหม่ ๆ มักมีปัญหาการใช้งานเรื่องของการเรียกใช้งานต่าง ๆ ที่เรียกใช้ Microflow หรือเปิด Page ที่มีการกำหนดค่าเริ่มต้นนั้น ตอนนี้สามารถทำได้แล้วในส่วนที่เป็น microflow, nanoflow หรือ open page ในการใช้งานของผู้ใช้งานก็จะง่ายขึ้น

ตัวอย่าง XML:

<property key="buttonAction" 
type="action"
defaultValue="MyFirstModule.MyFirstLogic"
defaultType="CallMicroflow">
<caption>On click</caption>
<description>Action to be performed when button is clicked</description>
</property>

สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ see our documentation

DevOps

Pipeline++ – Maia Testing & APIs

Mendix Pipelines พลังของ platform-native low-code CI/CD จะมาช่วยคุณในการทำ automate software packaging และ deployment โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ด้าน DevOps ด้วยการตั้งค่าที่สามารถตั้งค่าขั้นตอนนั้นคุณสามารถออกแบบ pipeline ใน Mendix Portal ซึ่งมันจะทำงานอัตโนมัติเป็นพื้นฐานของการกำหนดเงื่อนไข เช่น เมื่อทำการ commit ไปบน TeamServer Git หลังจากนั้นก็เพียงแค่ทำการนั่งรอให้ระบบทำงานอัตโนมัติด้วย Mendix Pipelines ช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้หลายชั่วโมง ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานได้แบบไม่จำกัด ลองใช้ดู!!

Mendix Pipelines ยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยการออกฟีเจอร์ใหม่ 2 อย่างที่ทรงพลังมาให้คุณ:

Testing ด้วย Mendix Best Practice Recommender

มันจะดีแค่ไหนถ้าหากคุณสามารถทำการทดสอบอัตโนมัติได้ เช่นเดียวกับระบบ CI/CD อื่น ๆ คุณสามารถมั่นใจได้ว่า Mendix app ที่นำไปใช้มันมีคุณภาพและปลอดภัย โดยไม่ต้องเสียเวลาของ developer มาทำเรื่องเหล่านี้ คำแนะนำในการใช้งานครั้งตอนแรกในการทำ tesing ด้วย Mendix Pipelines – Maia Best Practice Recommender

  • Best Practice Recommender คืออะไร? Maia Best Practice Recommender เป็นตัวช่วยในการ co-developer ช่วยให้คุณเพิ่มศักยภาพใน app ของคุณด้วยการเข้าไปตรวจสอบภายใน model ของ app ด้วย Mendix development best practices มันจะแสดง error, warning, deprecations และ คำแนะนำตามต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณทำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพของ Mendix app มันจะคล้าย ๆ กับการเข้าไปวิเคราะห์โค้ดของเราในโลกของ high code
  • Pipelines มีการทำงานอย่างไร? มีคำแนะนำในขั้นตอนการเรียกใช้ Maia Best Practice Recommender ในขั้นตอนนี้จะประเมิน .MPR ไฟล์ ตาม Mendix development best practices คุณสามารถกำหนดค่าในขั้นตอนที่มีข้อผิดพลาดตามกฎได้ ตัวอย่งเช่น การหยุดการทำงานของ Pipeline หากพบข้อผิดพลาดของ Best Practice Recommender Bot ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่าโปรเจคไม่มีคุณภาพเพียงพอจะหลุดออกไปในอนาคตโดยก่อนที่จะเริ่มสร้าง MDAs หรือ deployed ไปยัง environment ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ของ Best Practice Recommender จะแสดงไปใน Run Details โดยเข้าไปดูที่ logs

การกำหนดค่า Best Pratice Recommender มีขั้นตอนดังนี้

  • เพิ่มเข้าไปใน Pipelines อย่างไร? ง่ายมากในการเพิ่มเข้าไปหลังขั้นตอนการ Checkout เหมือนในตัวอย่างรูปที่อยู่ด้านล่างนี้
  • ท้ายที่สุด มีเหตุผลอะไรที่ต้องใช้? ส่ิงที่จะมาช่วยในหลาย ๆ ส่วน:
    • เพิ่มคุณภาพของ developer ด้วย automating testing
    • ช่วยโดยการป้องกันไม่ให้สร้าง deployment packages โดยที่มี error หรือ deprecations แต่ละ Mx Assist Bot
    • สุดท้ายช่วยสร้าง software ที่มีคุณภาพใน Mendix
  • จะมีอะไรที่อยู่ในขั้นตอนการทดสอบที่จะมีเข้ามาเพิ่มเติม? แน่นอน โปรดติดตามใน release ต่อ ๆ ไปที่จะมีมากขึ้น

Pipeline APIs

APIs: ในการทำ Software จะต้องมีส่วนผสมส่วนอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็จะมี Pipelines ที่จะมาใช้ในส่วนนี้จะมี two API calls ให้เรียกใช้งาน

  1. Start pipeline – Pipelines สามารถสั่งให้เริ่มทำงานได้ด้วยการสั่งผ่าน API
  2. Query pipeline run status – ดึงสถานะของ pipelines ที่มีการทำงานอยู่ด้วยการเรียก API

Governance

ในส่วนนี้จะมีการเพิ่มความสามารถต่าง ๆ ในการกำกับและควบคุมองค์กรให้มีการทำงานที่เป็นไปตามกรอบที่มีการกำหนด ซึ่งคุณสามารถใช้งานภายใต้ตัว Mendix Portal และจะมีการเพิ่มความสามารถต่าง ๆ เพิ่มอีกในอนาคต

Reference: